บทความ Rites of Protest: Populist Funerals in Imperial St. Petersburg, 1876-1878 ของ Tom Trice ตีพิมพ์ใน Slavic Review Vol. 60, No. 1, Spring, 2001 พูดถึงแง่มุมด้านสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นในการเดินขบวนที่นำโดยนักศึกษา ในช่วงการเคลื่อนไหวสังคมนิยมในรัสเซียสมัยซาร์.
บนถนนมีขบวนของนักศึกษาและชาวเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พวกเขาโห่ร้อง ตะโกนคำปฏิวัติ และแบกโลงศพของชายหนุ่ม ที่พวกเขาก็ไม่รู้จัก หรือคนที่คิดว่ารู้จักก็อาจเข้าใจผิด-จำเขาสลับกับชายอีกคนที่ตายไปก่อนหน้านี้นานแล้ว. แต่ใครจะอยู่ในโลงก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ ขบวนนั้นใหญ่เสียจนทุกคนในเมืองหลวงของรัสเซียต้องสนใจ แม้แต่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่สองเองด้วย.
แน่นอนว่าการเดินขบวนโดยปกตินั้น จะถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่ชายหนุ่มหญิงสาวบนท้องถนนกำลังฉวยเอาการแห่ศพ มาหลบเลี่ยงการปราบปรามและเซ็นเซอร์โดยรัฐ. แม้ในนั้นยุคระบอบซาร์จะทรงอำนาจ แต่พลังของศาสนาก็ยังคงเข้มแข็งอยู่ ผู้ไม่พอใจกับระบบซาร์ จึงใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือท้าทายรัฐ และพิธีศพในที่สาธารณะเช่นนี้ เป็นช่องทางในการรวมตัวและประท้วง-พร้อมกับเจือความคิดทางโลก/ทางการเมืองเข้าไปด้วย. การแสดงบนท้องถนนในระหว่างพิธีกรรม นำเอาศพของเพื่อนที่ตายเพราะระบอบซาร์มาโชว์ เรียกความเห็นใจจากชาวเมือง และขยายปริมณฑสาธารณะของรัสเซียออกไป.
คนที่ตายคือนักโทษการเมืองชื่อ Pavel Feoktistovich Chernyshev. เขาเคยเรียนแพทย์ที่ St. Peterburg’s Military Medicinal Academy ซึ่งหนึ่งในคนรุ่นนั้นบอกว่าเป็น “สวรรค์ของนักกิจกรรมประชานิยม.” ชีวิตและกิจกรรมของ Chernyshev นั้นไม่ได้มีอะไรหวือหวาสำคัญ แต่นักศึกษาก็สามารถนำเอาชีวิตของเขามาเฉลิมฉลอง เพื่อที่จะวิพากษ์ระบบเผด็จการ.
Chernyshev ถูกตำรวจจับเนื่องจากเข้าใจผิดว่าคือผู้ลี้ภัยชื่อ Ivan Chernyshev แต่ภายหลังที่ตำรวจพบว่าได้ทำผิดพลาด พวกเขาก็ไม่ได้ปล่อย Chernyshev. กรณีของ Chernyshev เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงถึงความไม่ใส่ใจและละเลยหลักการกฎหมายของรัฐบาลเผด็จการ. เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติจำนวนมากของเขา ความตายของ Chernyshev นั้นมาจากโรคที่มักพบพร้อมกับความยากจนและการถูกกักขัง.
ในตอนแรกพิธีศพเป็นที่รู้กันไม่กี่ร้อยคน เฉพาะในวงญาติและผู้จัดงาน. ต่อมาชายไม่ทราบชื่อคนหนึ่งได้ติดต่อ และโน้มน้าวญาติ ๆ ของ Chernyshev ให้ “สหาย” ต่าง ๆ ของเขาเป็นผู้จัดงานให้.
แม้รูปแบบของขบวนแห่จะมีลักษณะตามธรรมเนียมทั่วไป แต่การปฏิบัติต่าง ๆ ในขบวนแห่ศพของ Chernyshev นั้นไม่ธรรมดา. คนในขบวนร้องเพลง Orthodox เสียงดัง เพื่อเรียกความสนใจ เมื่อมีคนถามว่าใครตาย พวกเขาก็จะตอบว่า “เหยื่อของความอยุติธรรมและสหายที่แสนดี.” เมื่อเดินผ่านสถานกักกัน พวกเขายกโลงขึ้นลงไปในอากาศสามครั้ง ราวกับจะโชว์ให้ทุกคนเห็นศพ. เมื่อถึงตอนนี้ พระที่ร่วมขบวนมาด้วย ก็กลัวและออกไปจากขบวน.
ขบวนการสังคมนิยม ประสบความสำเร็จในการรวมเอาภาพคริสเตียนของการตัดสิน ผู้ยอมพลีชีพเพื่อศาสนา (martyr) และดินแดนพันธะสัญญา มาเป็นกรอบให้ประชาชนมองการปฏิวัติ – ถึงระบอบเผด็จการจะยังมีอำนาจมากมาย แต่สักวันนึงสวรรค์ของสังคมนิยมจะต้องมาถึง. สิ่งที่ขบวนแห่ทำ คือการหยิบเอาพิธีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีพลังในสังคมขณะนั้น มาใส่ความหมายทางโลกซึ่งก็คือสังคมนิยมเข้าไป เพื่อใช้รังสีบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมพลังให้กับอุดมการณ์สังคมนิยม.
“His faith is socialism, the people is god.”
ขบวนแห่ให้ประสบการณ์ของพวกเขาเกี่ยวกับศาสนาและการปฏิวัติที่ผ่านมาในรัสเซีย ฉวยเอาโอกาสในช่วงเวลาและพื้นที่ “ศักดิ์สิทธิ์” ซึ่งถูกสร้างโดยการแสดงของพิธีกรรมงานศพตามประเพณี เพื่อเสนอพลเมืองร่วมชาติของเขา ถึงทางเลือกที่นอกเหนือไปจากระบอบในขณะนั้น. ด้วยรูปแบบที่ไม่ได้มีลักษณะทางการเมืองในแบบเดิม ๆ พิธีกรรมทางศาสนา โดยเฉพาะพิธีเปลี่ยนผ่าน (rites of passage) เช่น พิธีศพซึ่งเกี่ยวกับความตาย นั้นมักดึงดูดผู้ต่อต้านระบอบ ผู้ซึ่งหวังให้พลังของพิธีกรรมช่วยให้กลุ่มเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและปรับความสัมพันธ์เชิงอำนาจเสียใหม่.
ด้วยการใช้ถนนสายหลักในเมืองหลวงเป็นเวทีแสดงของพวกเขา คนหนุ่มสาวในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้ใช้ท่าทางของพิธีกรรมและท่วงทำนองของศาสนาที่ผู้คนคุ้นเคย แสดงออกมาอย่างเด่นชัดถึงการอยู่ขั้วตรงข้ามของพวกเขาต่อระบอบเดิม ที่ผูกขาดอำนาจทางการเมือง ทั้งยังปฏิเสธหลักการกฎหมายสมัยใหม่ซึ่งเริ่มแพร่หลายในช่วงก่อนการปฏิรูปครั้งใหญ่. การแสดงศพเหยื่อของระบอบต่อสาธารณะ แม้เป็นเวลาสั้น ๆ แต่นั่นก็สะท้อนถึงอุดมคติทางการเมืองและทางสังคมของพวกเขา ที่พวกเขาได้ยอมสละชีวิต. ในกระบวนการนี้ พวกเขาได้แปลงเอานักโทษที่น้อยคนจะรู้จัก ให้กลายเป็นแกนสำคัญของการประท้วง.
แทบจะทันทีหลังจากการเดินขบวนแห่ศพของ Chernyshev หนังสือพิมพ์ Vpered! ก็ใส่ชื่อของ Chernyshev ไว้ใน “Martyology of the New Era”, หนังสือพิมพ์ดังกล่าวมอบพื้นที่ให้กับบทความสองสามชิ้นเกี่ยวกับการเดินขบวน. ในเวลาต่อมา Vpered! ก็ได้อ้างว่า การเดินขบวนดังกล่าวได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว ในฐานะที่มันเป็นการเดินขบวนอุดมการณ์สังคมนิยมครั้งแรกในนประวัติศาสตร์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก.
ตัวชี้วัดที่ดีที่สุดในมุมมองของผู้เขียน ถึงอิทธิพลของพิธีศพของ Chernyshev ก็คือเมื่อเวลาหนึ่งปีครึ่งถัดมา ที่หนุ่มสาวในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้ใช้พิธีศพสาธารณะของนักโทษการเมือง Anton Padlewski เพื่อประกาศความไม่พอใจของพวกเขาต่อระบอบซาร์.
สิ่งที่ผู้คนที่เดินไปสู่สุสานกับ Chernyshev และ Padlewski ได้ทำ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับหนุ่มสาวในขบวนปฏิวัติให้ทำสิ่งดังกล่าวต่อไปอีก. เหมือน ๆ กับที่เพื่อน ๆ ของเขาในยุโรปตะวันตกทำ เหล่าผู้วิพากษ์วิจารณ์ระบอบซาร์หนุ่มสาวเหล่านี้ ได้ปรับเอาพิธีศักดิ์สิทธิ์ของศาสนา ผสมความหมายทางโลกเข้าไปในองค์ประกอบการปฏิบัติต่าง ๆ ของพิธี เพื่อถ่ายโอนเอาความศักดิ์สิทธิ์และประวัติศาสตร์ที่เดิมถูกใช้แต่เฉพาะกับความเชื่อของทางการ ให้มาเสริมความเชื่อของพวกเขา. พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากการให้เกียรติยกย่องและให้ความเคารพต่อพิธีศพเพื่อที่จะแสดงความเคารพต่อศพ ในการแสดงให้สาธารณะเห็นถึงอาชญากรรมที่เกิดขึ้น และได้ทำให้ผู้ที่ต้องการจะโต้เถียงนั้น ไม่สามารถที่จะโต้ได้ เนื่องจากจะเป็นการไม่ให้เกียรติกับผู้ตาย. พร้อม ๆ กับโฆษกของหนังสือพิมพ์ใต้ดินและของตำรวจ หนุ่มสาวเหล่านี้ได้ใช้ศิลปะโน้มน้าวให้ผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่และที่ตายไปแล้ว ได้มีคุณสมบัติของการโค่นล้มระบอบและการเป็นผู้ยอมสละชีพ และได้แปลงพวกเขาให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนที่ต้องการจะโค่นล้มระบอบและผู้คนที่ต้องการจะหยุดมัน.
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ผู้คนที่ได้ทำให้นักโทษการเมืองที่น้อยคนจะรู้จักสองคนให้กลายเป็นผู้ยอมสละชีพนั้น ได้ใช้ทักษะเป็นอย่างดีในการต่อรองกับขีดจำกัดที่ระบอบซาร์ได้เซ็นเซอร์และจำกัดการสนทนาสาธารณะด้วยตำรวจการเมือง, สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ด้วยจินตนาการและการกล้าตัดสินใจ แม้แต่พิธีศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ที่ดูเหมือนจะไม่มีช่องให้ปรับเปลี่ยนแก้ไขอะไรได้อีก ก็ยังสามารถถูกใช้เพื่อเปิดพื้นทั้งทางกายภาพและทางสัญลักษณ์ ในการอ้างและปกป้องสิทธิได้.
—-
ภาพประกอบดัดแปลงจากรูปถ่าย Church on Spilled Blood โดย On The Go Tours (ซึ่งสร้างหลังอเล็กซานเดอร์ที่สองตายนะ)