"เสื้อแดง" ตอนนี้อาจไม่ใช่ "ขบวนการทางการเมือง" แล้ว มันไม่มีขบวนอะไรที่เรามองเห็นชัดในตอนนี้ แต่มันยังเป็น "ชนชั้นทางการเมือง" (political class - โดยเฉพาะเมื่อถูกคนอื่นมองมา ในเซนส์ "อี๋ ไอ้พวกเสื้อแดง") หรือ "กลุ่มความสำนึกรู้ทางการเมือง" แบบนึงอยู่ ในลักษณะที่คนยังระบุได้อยู่ว่า "ฉันเป็นคนเสื้อแดง"
Tag: social movement
“ออกไป! ออกไป!” เมื่อคนซานฟราน ชัตดาวน์รถรับส่งพนักงานของกูเกิล
เดินไปไหนย่อมมีรอยเท้า แต่บริษัทพวกนี้ตัวใหญ่ไปหน่อย ตีนเลยหนัก แถม "เผลอ" ไปเดินบนหัวชาวบ้านด้วย
อุปลักษณ์ในอินเทอร์เน็ตศึกษา
รายงานชิ้นนี้ เสนอการพิจารณาอุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ (conceptual metaphor) ต่าง ๆ ที่ใช้กับอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เห็นว่า “อินเทอร์เน็ต” ที่อาจดูเหมือนเป็นวัตถุชิ้นเดียวชนิดเดียวนั้น สามารถเป็นวัตถุศึกษาที่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม แวดวง (habitus) หรือขอบเขตความรู้ (domain) ได้อย่างไร รวมถึงอุปลักษณ์แต่ละแบบซึ่งกำหนดวัตถุศึกษานั้น ได้ซ่อนหรือปกปิดประเด็นอะไรไปบ้างเกี่ยวกับเรื่องที่ศึกษา และทำไมจึงเป็นเรื่องจำเป็น ที่เราจะต้องตระหนักถึงข้อจำกัดของอุปลักษณ์ที่ใช้เข้าใจหรือสร้างวัตถุศึกษาหนึ่ง ๆ ขึ้นมา รายงานชิ้นนี้เสนอว่า เช่นเดียวกับอุปลักษณ์อื่น ๆ อุปลักษณ์เชิงมโนทัศน์ที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตนั้น ได้สร้างกรอบความเข้าใจต่อประเด็นอินเทอร์เน็ต และลักษณะทางการเมืองในการกำหนดความเข้าใจนี้ ได้ส่งผลต่อนโยบายเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต.
แห่ศพ — ประชานิยมที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
บนถนนมีขบวนของนักศึกษาและชาวเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พวกเขาโห่ร้อง ตะโกนคำปฏิวัติ และแบกโลงศพของชายหนุ่ม ที่พวกเขาก็ไม่รู้จัก หรือคนที่คิดว่ารู้จักก็อาจเข้าใจผิด-จำเขาสลับกับชายอีกคนที่ตายไปก่อนหน้านี้นานแล้ว. แต่ใครจะอยู่ในโลงก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ ขบวนนั้นใหญ่เสียจนทุกคนในเมืองหลวงของรัสเซียต้องสนใจ แม้แต่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่สองเองด้วย.
สื่อและขบวนการทางสังคมในมาเลเซีย: กรณีศึกษา หนังสือพิมพ์ Malaysiakini
รายงานจากวิชา ขบวนการทางสังคม
เรียนเมื่อปีที่แล้ว
เทอมนั้นเป็นเทอมที่หนักที่สุด เพราะเทอมก่อนหน้านั้นเกรดห่วยจนติดโปร ก็เลยต้องลงทะเบียนเรียนมันซะ 4 วิชาเลย เพื่อดันเกรด แล้วต้องได้ทุกวิชา B+ อะไรแบบนี้ ถึงจะรอด สุดท้ายก็รอด แบบหืด ๆ (หลุดได้ B มาตัวนึง แต่รอดเพราะได้ A มาช่วยอีกตัว) เทอมนั้นเป็นเทอมที่สนุกดี ได้ไปลงสนามเล็ก ๆ น้อย ๆ (จากวิชานี้และอีกวิชาคือ วัฒนธรรมเมือง
) ได้พบกับคนที่ต่อสู้มาทั้งชีวิต และบอกว่า เอ็นจีโอแค่สนับสนุนก็พอ ชาวบ้านจะนำเอง (แปลว่า เอ็นจีโออย่าเสือกเยอะ
)
ยังไงก็ตาม “รถติดเป็นเรื่องถูก-ถูก” (อีกที)
เมื่อมีนาคม 2549 ผมเขียนบล็อกหนึ่งไว้: รถติดเป็นเรื่องถูก-ถูก
สนับสนุนการชุมนุม-ปิดถนน ซึ่งตอนนั้นเป็นการชุมนุมของพันธมิตร ขับไล่นายกทักษิณ ก่อนรัฐประหาร
วันนี้ผมก็ยังคิดเหมือนเดิม คือยอมรับสิทธิในการชุมนุมและไม่คิดว่ารถติดเป็นเรื่องใหญ่ (และจริง ๆ ช่วงสี่ห้าวันนี้มันก็ไม่ได้ติดเสียเท่าไหร่ด้วย)
[1-pager] What’s so new about new social movements? โดย David Plotke (1990)
จากสรุปอ่านเอกสารเทอมที่แล้ว คาบที่เกี่ยวกับ ขบวนการทางสังคมใหม่ (new social movements)
Plotke, David. 1990. What’s so new about new social movements? Socialist Review. 20:91-102.
บทความนี้ลองสำรวจข้ออ้าง ความใหม่ ต่าง ๆ ของ ขบวนการทางสังคมใหม่ ว่ามันมีอะไรใหม่จริงหรือ, และถ้าใหม่จริง แล้วมันยังใหม่อยู่ไหมสำหรับตอนนี้ และในบริบทไหน ที่มันจะไม่ใหม่อีกต่อไป.
สิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจสำหรับบทความชิ้นนี้ คือการพูดถึง กระบวนการแปะป้ายหรือตราหน้า (stigmatize) แนวคิดที่ผู้แปะป้ายไม่เห็นด้วย และ การสร้างคู่ตรงข้ามแบบสุดขั้ว (polarization และ radicalization) เพื่อบังคับให้สังคม[ต้อง]เลือก[อย่างเต็มใจ]ในทางที่ผู้กำหนดขั้วได้ออกแบบเอาไว้.
—-
บทความชิ้นนี้ David Plotke ผู้เขียน สำรวจข้อถกเถียงหลักในวาทกรรมขบวนการทางสังคมใหม่ ในบริบทสังคมการเมืองสหรัฐอเมริกาช่วง 1960s-1980s และเสนอว่า ทฤษฎีเกี่ยวกับขบวนการทางสังคมใหม่นั้นให้ราคา “ความใหม่” (novelty) กับขบวนการทางสังคมใหม่มากเกินไป และการนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้โดยไม่ดูบริบทแวดล้อมว่าเหมาะสมหรือไม่ ก็มีแต่จะทำให้เพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายตรงข้าม. ในตอนท้ายบทความ ผู้เขียนเสนอการรื้อสร้างความหมายเพื่อต่อสู้ทางวาทกรรม.
แนวคิดขบวนการทางสังคมใหม่ (New Social Movements; NSM) ซึ่งพัฒนาขึ้นในยุโรปตะวันตก ถูกนำเข้ามาในสหรัฐอเมริกาในช่วง 1960s-1980s และหนึ่งในปัญหาของมันก็คือ การนำมาใช้อย่างไม่วิพากษ์ในบริบทของสหรัฐอเมริกาซึ่งต่างจากยุโรปมาก. แนวคิดนี้ตั้งแต่ทศวรรษ 1960s เป็นต้นมา ประสบความสำเร็จพอสมควรในการต่อสู้ประเด็นสิทธิพลเมือง และต่อมาในประเด็นต่อต้านสงคราม สิทธิผู้หญิง/เฟมินิสต์. ความ “ใหม่” ของขบวนการทางสังคมใหม่นั้น คือความใหม่ที่ปฏิเสธ orthodox Marxism – ซึ่งผู้เขียนมองว่า มันสัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง (relevant) กับสภาพสังคมการเมืองยุโรปในขณะนั้น ที่ orthodox Marxism เป็นกระแสใหญ่ของสังคม, แต่ไม่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่อง (irrelevant) อีกต่อไปกับสภาวะสังคมตั้งแต่ทศวรรษ 1980s เป็นต้นมา โดยเฉพาะกับบริบทสังคมการเมืองอเมริกัน ที่แนวคิดอนุรักษ์นิยมใหม่ (neoconservative) ได้ขึ้นแทนที่เป็นพลังที่ครอบนำสังคมไปแล้ว.
คำว่า “ใหม่” ใน “ขบวนการทางสังคมใหม่” นั้นถูกอ้างว่า มีความหมายต่างไปจากที่ใช้ในขบวนเสรีนิยมที่เคลื่อนด้วยกลุ่มผลประโยชน์และที่ใช้ในแนวคิดสังคมนิยมคลาสสิก. ความ “ใหม่” ของมันไม่เพียงหมายถึง ประเด็นเป้าหมายใหม่ที่พ้นไปจากการปฏิรูปการเมืองที่ทำเป็นกิจวัตรเท่านั้น, แต่ยังหมายถึง ช่องทางใหม่ ๆ เพื่อจะบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นซึ่งไม่สามารถจะบรรลุได้ด้วยช่องทางทางการเมืองแบบดั้งเดิมด้วย. ผู้เขียนอ้างถึง มิเชล ฟูโกต์ และมองว่ากรอบของฟูโกต์ เกี่ยวกับรูปแบบของการต่อต้าน (forms of resistance) สามารถนำมาพิจารณาขบวนการทางสังคมใหม่ได้ โดยมองว่าเป็นการต่อสู้ขัดแย้งกับ ‘government of individualization’ ซึ่งทำผ่านความรู้. คำถามที่ตั้งจึงเป็นการตั้งคำถามต่อวิธีที่ความรู้หมุนเวียนและกระทำการ, ความสัมพันธ์ของมันกับอำนาจ. สิ่งเหล่านี้เป็นการต่อต้านการสร้างและต่อต้านการทำลายอัตลักษณ์ของตัวเองโดยผู้อื่นไปพร้อม ๆ กัน ด้วยมีความต้องการจะนิยามอัตลักษณ์ของตัวเอง. โดยสรุปก็คือ ขบวนการทางสังคมใหม่นั้น ไม่ได้ต่อต้านตัว สถาบัน อำนาจ กลุ่ม หรือ ชนชั้น มากนัก แต่สิ่งที่มันต่อต้านอย่างเต็มที่ คือ เทคนิคและรูปแบบของอำนาจ.
Claus Offe เปรียบเทียบความคิดหรือกระบวนทัศน์ (paradigm) ของการกระทำการทางการเมืองแบบเก่าและใหม่ เอาไว้ว่า กระบวนทัศน์เก่านั้นอยู่กับประเด็น การเติบโตและการกระจายตัวทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางสังคมและการทหาร และการควบคุมสังคม, ในขณะที่แบบใหม่นั้นอยู่กับประเด็น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน สันติภาพ, หรือพูดรวม ๆ ก็คือ คุณภาพในการใช้ชีวิต [ประเด็นนี้น่าจะคล้าย บ่อนอก-หินกรูด]. ตัวผู้กระทำการในกระบวนทัศน์เก่านั้น เป็นกลุ่มทางเศรษฐกิจสังคมที่กระทำการในฐานะกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่ม, ในขณะที่แบบใหม่ แม้จะเป็นกลุ่มทางเศรษฐกิจสังคมเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้กระทำการในฐานะกลุ่มนั้น ๆ แต่ในฐานะกลุ่มที่เกิดมาจากการสร้างร่วมกันระหว่างการเคลื่อนไหว (ascriptive collectivities). แนวคิดนี้ต่างจาก Marx และ Gramsci ที่ว่าต้องมีสำนึกทางชนชั้นมีอัตลักษณ์ก่อนแล้วค่อยร่วมขบวนการ.
กลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ประสบความสำเร็จในการสร้างวาทกรรม “การทำให้ทันสมัยเชิงอนุรักษ์” (conservative modernization). ในทศวรรษ 1970 และ 1980 กลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่ประสบความสำเร็จในการตราหน้า (stigmatize) ขบวนการทางสังคมใหม่ที่เริ่มต้นในทศวรรษ 1960 โดยอาศัยทัศนคติความเท่าเทียมทางกฎหมายที่คับแคบอยู่ในขณะนั้น, บวกกับความคิดเสรีนิยมกระแสหลักในสังคมช่วงหลังสงคราม ที่ความคิดเรื่อง ความเติบโต เสรีภาพ ระบบระเบียบ และอำนาจระหว่างประเทศ กำลังได้รับความนิยม, สร้างขั้วตรงข้าม: เติบโต/ไม่เติบโต, เสรีภาพ/รัฐนิยม, อำนาจบริหารที่เชื่อถือได้/ประชาธิปไตยตกขอบ, ระเบียบ/ปัจเจกนิยมอย่างบ้าคลั่ง, ชุมชน/ความแตกแยก, อำนาจระหว่างประเทศ/ความอ่อนแอของประเทศ. การกำหนดขั้วตรงข้ามแบบนี้ โดยอัตโนมัติ ได้ทำให้ทางเลือกแบบการทำให้ทันสมัยเชิงอนุรักษ์ เป็นทางเลือกที่ถูกต้องตามหลักการและมีเหตุผล (legitimate, rational) และทางเลือกของขบวนการทางสังคมใหม่ เป็นทางเลือกที่ไร้เหตุผลและไม่เป็นประชาธิปไตย (irrational, anti-democratic). ที่สำคัญก็คือ ขบวนการทางสังคมใหม่ไม่สามารถตอบโต้วาทกรรมดังกล่าวได้เลย หรือตอบโต้ว่าแนวคิดของพวกตนนั้น เป็นอุดมคติ ซึ่งยิ่งทำให้ทางเลือกแบบ conservative modernization มีน้ำหนักมากขึ้น ว่าแม้จะไม่หวือหวาแต่ก็เป็นทางเลือกที่ยอมรับได้มากกว่า.
ผู้เขียนเสนอว่า ขบวนการทางสังคมใหม่จำเป็นต้องดูบริบททางสังคมและวัฒนธรรมด้วย โดยชี้ถึงความแตกต่างของความเข้มแข็งของขบวนการแรงงานในยุโรปเทียบกับสหรัฐอเมริกา และความแตกต่างของพื้นที่ทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาที่(กระจัด)กระจายไม่ได้รวมศูนย์แบบยุโรป (ซึ่งหมายถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมโดยอัตโนมัติ). พร้อมเสนอว่าในการต่อสู้ทางวาทกรรม ขบวนการทางสังคมใหม่จำเป็นต้องรื้อวาทกรรมขั้วตรงข้ามของอนุรักษ์นิยมใหม่ แล้วสร้างความหมายใหม่ที่เอื้อต่อการต่อสู้ของตัว.
—-
ใครที่สนใจเรื่องขบวนการทางสังคม ประภาส ปิ่นตบแต่ง (ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) เพิ่งออกหนังสือ แนวการวิเคราะห์การเมืองแบบขบวนการทางสังคม (เห็นครั้งแรกเมื่องานหนังสือที่ผ่านมา) มีทั้งส่วนที่สำรวจทฤษฎีขบวนการทางสังคมสำนักต่าง ๆ และส่วนที่สำรวจงานศึกษาขบวนการทางสังคมในประเทศไทย
ทั้งเล่มนี้ ดาวน์โหลดไปอ่านได้ฟรี จากหน้าเว็บของอ.ประภาส
เช่น บทที่ 7 ขบวนการทางสังคมใหม่ (pdf, 18 หน้า)
และอีกบทความจาก ผาสุก พงษ์ไพจิตร (ที่เขียนคำนำให้หนังสือเล่มข้างบน)
ทฤษฎีขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมใช้กับสังคมไทยได้หรือไม่?
แถลงการณ์จากเครือข่ายคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้า ไอ พี พี (26 ก.ย. 2552) #IPP #powerplant
[ทดลองจัดเก็บเอกสาร]
แถลงการณ์จากเครือข่ายคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้า ไอ พี พี
ถึง ฯพณฯนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน และพี่น้องประชาชนชาวไทย
วันที่ 26 กันยายน 2552
เครือข่ายติดตามผลกระทบโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินตำบลเขาหินซ้อน (คตฟ.)
เครือข่ายพลังงานสีเขียวอำเภอสนามชัยเขต (คพข.)
กลุ่มเกษตรอินทรีย์อำเภอสนามชัยเขต
เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกจังหวัดฉะเชิงเทรา
October 14th student uprising omitted from Museum Siam
รายงานพิเศษ : เที่ยว ‘มิวเซียมสยาม’ เรียนรู้ สยาม อย่างสนุก แต่เรียนรู้ไทยยังไม่สนาน
พิพิธภัณฑ์ ข่าว แบบเรียน คำบอกเล่า
เขียนประวัติศาสตร์ ลบประวัติศาสตร์ แก้ประวัติศาสตร์
technorati tags: history, October 14, museum
The People’s Agenda
คำประกาศสมัชชาสังคมไทย
“โลกที่เท่าเทียม ประชาชนสร้างได้”
23 ตุลาคม 2549 ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
เพื่อบรรลุเจตนารมณ์ เราจะ
- อยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม ความเท่าเทียม สิทธิเสมอภาค สันติภาพ
- ไม่รอคอย/หวังพึ่งใคร แต่จะเข้าไปมีส่วนร่วมทุกรูปแบบด้วยตัวเอง
- ยึดหลักการอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน
การปฏิรูปการเมืองในครั้งนี้ จะต้อง
- ปฏิรูปการใช้อำนาจรัฐ เคารพ สิทธิ เสรีภาพ ศักดิ์ศรีมนุษย์ ไม่แยก เพศ พิการ ชาติพันธุ์
- ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั่วถึง เท่าเทียม
- ให้ประชาชนสามารถกำหนดวิถีชีวิตของตนเอง ในทุกด้าน
- ให้ภาคประชาชนตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจรัฐได้อย่างเข้มแข็ง
- สร้างความเท่าเทียมและเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ กระจายโอกาสการเข้าถึงทรัพยากร
การปฏิรูปมีสาระสำคัญดังนี้ (วาระประชาชน)
- ประชาชนร่วมการเมืองโดยตรง มีสิทธิกำหนดนโยบายสาธารณะทุกขั้นตอน
- การตรวจสอบอำนาจรัฐ ในกรณีทุจริต ใช้อำนาจในทางที่ผิด ละเมิดสิทธิประชาชน ต้องไม่มีอายุความ
- ระบุในรัฐธรรมนูญว่า ประเทศไทยเป็นรัฐสวัสดิการ
- ปฏิรูปสื่อ ส่งเสริมให้เกิดสื่อชุมชนและสื่อสาธารณะ อิสระปลอดแทรกแซง
- ส่งเสริมองค์กรประชาชนให้เข้มแข็ง สามารถถ่วงดุลตรวจสอบอำนาจรัฐ
- ส่งเสริมภาคประชาชนให้ร่วมในองค์กรอิสระ เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนทุกส่วนร่วมได้
- ชุมชนมีอำนาจในการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติ ชีวภาพ วัฒนธรรม
- ปฏิรูปที่ดิน ภาษีที่ดินก้าวหน้า กองทุนที่ดิน ระบบโฉนดที่ดินชุมชน
- เกษตรยั่งยืน และเก็บภาษีสารเคมีทางเกษตร
- คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค มีองค์กรอิสระเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ที่เป็นอิสระจากรัฐ
- ข้อตกลงเขตการค้าเสรีโปร่งใส ต้องจัดทำกฎหมายเฉพาะ เพื่อเป็นกรอบในการตัดสินใจ
- สันติภาพภาคใต้ เคารพและให้สิทธิคนในพื้นที่ร่วมแก้ปัญหา สร้างความเข้าใจในสังคมไทย
เราขอยืนยันเจตนารมณ์อีกครั้งว่า
การปฏิรูปสังคม เศรษฐกิจและการเมืองที่เป็นธรรม
ประชาชนเท่านั้นที่สร้างได้
อ่านรายละเอียดเต็ม ๆ (ข้างบนนั่นย่อมา)
ข่าวข้าง ๆ:
TSF: “ถ่ายรูปไว้ก่อน ค่อยเชิญตัววันหลัง” ความจริงบนการเคลื่อนไหวภายใต้อัยการศึก
ทหาร 5 นาย พร้อมอาวุธเอ็ม 16 เดินไปที่ กลุ่มสมัชชาสังคมไทย เพื่อจะขอเชิญตัวผู้แจกใบปลิวของกลุ่ม 19 กันยาต้านรัฐประหาร โดยระบุความผิดว่า ‘ข้อความในใบปลิวขัดต่ออัยการศึก’ แต่ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าห้อมล้อม จนร้อยโทผู้บังคับบัญชาต้องเอื้อนเอ่ย “ถ่ายรูปไว้ก่อน ค่อยเชิญตัววันหลัง”
TSF : ประมวลภาพเดินหน้า! สมัชชาสังคมไทย