สืบเนื่องจาก โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี (อ้างถึงข้อเขียนเกี่ยวกับ อารยะขัดขืน ของ คนชายขอบ “อารยะขัดขืน: ทางออกสุดท้ายของประชาชน?”
รถติดเป็นเรื่องถูก-ถูก
เวลามีงานศพคนใหญ่คนโต ตรงวัดเทพศิรินทร์ใกล้ ๆ บ้านผมนี่ รถอย่างติด เพราะเค้าปิดถนนไปเส้นนึงเลย เอาไว้จอดรถ เพราะจอดในวัดมันไม่พอ
ถ้านั่งรถเมล์กลับจากที่ทำงาน หรือไปสยามมา (ปอ. 8, 15, 47, 48, 204) บางทีลงเดินยังเร็วกว่า
ถัดมาหน่อยนึง หน้าโรงพยาบาลกลาง คืนศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จะมีพ่อค้าแม่ค้ามากมายมาวางแผงแบกะดินขายของจิปาถะ เครื่องครัว/เตาแก๊สใหญ่ ๆ แบบที่ใช้ตามร้านอาหาร/โรงแรม วีซีดี วัสดุก่อสร้าง หนังสือเก่า เสื้อผ้า สารพัด รองเท้าข้างเดียวก็ขาย (หลาย ๆ อย่างก็เป็นของขโมยมา รถที่บ้านเคยถูกขโมยกระจกข้าง แจ้งความตำรวจ เค้าบอกให้ไปตามหาเอาที่ตลาดนี่แหละ อยู่หลังบ้าน เออ เจอเว้ย เลยซื้อคืนมา ไม่รู้จะทำไง) คนเยอะแยะเต็มไปหมด ทั้งคนขาย คนซื้อ คนล้นลงมาถึงถนน เพราะทางเท้ามันเต็ม รถเมล์ก็จอดป้ายไม่ได้ เพราะรถเข็น/ขนของจอดเต็มเลนซ้ายสุด จะติดอย่างนี้ไปจนถึงดึก ๆ เลย
หรือตรงตลาดโบ๊เบ๊ ไม่ไกลจากบ้าน เวลาเช้า ๆ ก็จะรถติดเหมือนกัน เพราะเป็นช่วงที่เค้าขนของส่งของ รวมทั้งพวกแผงขายเสื้อผ้าบนทางเท้าก็จะเก็บของกลับบ้านช่วงนั้น (แผงพวกนี้เค้าขายกันตอนเช้ามืด) ก็จะมีทั้งรถเข็น รถลาก สามล้อ รถกระบะ อีรุงตุงนังไปหมด เมื่อก่อนตอนยังเรียนประถม-มัธยมอยู่ ต้องผ่านเส้นนี้บ่อย ๆ ตอนไปโรงเรียน ยังจำได้
หรือเวลาห้างใหญ่ ๆ เค้ามีลดราคา ซัมเมอร์เซล มิดไนท์เซล ไทยแลนด์แกรนด์เซล (ที่ไม่ได้แปลว่า ขายชาติ นะ) รถก็จะมหาติดเหมือนกัน อย่างถ้าวันไหนเซ็นทรัลชิดลมมีลดราคานี่ รถมันจะติดไปถึงโน่นเลย เพชรบุรี ตรงซอยก่อนถึงช่อง 3 เก่าน่ะ (อาคารวานิช) บางครั้งพ่อก็จะปล่อยให้พวกผมกะแม่เดินลงไปก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยไปเจอกันในห้าง จะได้ไม่เสียเวลา
ประสบการณ์ที่ใกล้ ๆ กว่านั้น ก็คงเป็น ตอนรับปริญญา ทั้งของรุ่นพี่ ของตัวเอง ของเพื่อนของน้อง รถติดเหลือเกิน จำได้ว่าแค่จะเอารถออกจากสนามหลวงได้เนี่ย หมดไปแล้วหนึ่งชั่วโมง มองไปทางไหนก็มีแต่รถ รถ รถ และต้นมะขาม (ส่วนผีขนุนนั้น เค้าเป็นผีที่ดี ปฏิบัติตนตามจรรยาผี คือไม่ออกมาโต๋เต๋ตอนกลางวัน ผมก็เลยไม่เห็น)
นอกจากนี้ก็ยังมีกรณีอื่น ๆ อย่างตอนที่มีปิดถนนจัดงานออกร้านขายของ (ที่ช่วงนึงนิยมจัดบ่อย ๆ โดยใช้ชื่อแนว ๆ “ถนนคนเดิน” แรก ๆ ก็เน้นเรื่องศิลปะวัฒนธรรม มีการแสดงต่าง ๆ ทำไปทำมา หลัง ๆ ก็ไม่ต่างกับร้านออกร้านขายของซะเท่าไหร่) หรืองานใหญ่ ๆ โต ๆ อื่น ๆ ทั่วไป
งานบอลธรรมศาสตร์-จุฬานี่ก็ทำให้รถติดพอสมควร แต่ไม่ค่อยสาหัสมาก เนื่องจากเดี๋ยวนี้ พวกที่มีรถเค้าหนีไปจอดกันไกล ๆ แล้วโหนรถไฟฟ้ามา ไม่งั้นเพื่อนล้อแย่
ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามา ทำให้รถติดมั๊ย ? ทำให้คนอื่นเดือดร้อนมั๊ย ?
ติดสิ รวม ๆ กันแล้ว เอาแค่แถวบ้านผม ปีนึงนี่ต้องเกินสองอาทิตย์แน่ ๆ
แล้วเราได้ประโยชน์อะไรมั๊ย ?
ส่วนใหญ่ที่ว่ามาข้างบนนั่น ผมไม่ได้แฮะ แล้วในกรณีที่ผมได้เนี่ย ผมก็คิดว่าผมเป็นคนส่วนน้อยน่ะ คือต้องมีคนเดือดร้อนเพราะไอ้งานที่ผมได้ประโยชน์นี่แหละ (อย่างวันที่ผมรับปริญญา ก็คงมีหลายคนนั่งหงุดหงิดอยู่ในรถ .. ซึ่งรวมจำนวนแล้วน่าจะเยอะกว่าคนที่รับปริญญานะ)
ก็แล้วทำไม เรายังยอมกันได้ ?
ขอยกคำพูดนี้อีกทีเถอะ:
“ผู้ใดก็ตามที่อ้างว่าตนนิยมเสรีภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูแคลนความวุ่นวาย คือคนที่อยากเห็นพืชพันธุ์งอกงามโดยไม่พรวนดินก่อน
พวกเขาอยากเห็นฝนที่ไม่มาควบคู่ไปกับเสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบ
พวกเขาอยากได้มหาสมุทรที่ปราศจากเสียงกึกก้องอันน่ากลัวของผืนน้ำ
การขัดขืนครั้งนี้อาจเป็นการขัดขืนทางศีลธรรม ทางร่างกาย หรือทั้งสองทาง แต่มันจะต้องเป็นการขัดขืน
อำนาจไม่เคยยอมอ่อนข้อโดยปราศจากการเรียกร้อง
มันไม่เคยยอมในอดีต และจะไม่มีวันยอมในอนาคต.”
— เฟรเดอริค ดักลาส, ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ผู้สนับสนุนการเลิกทาส
ถ้ารถมันจะติดซักหนึ่งเดือน จีดีพีจะหดไป 1% แต่เราได้ปลุกสำนึกของคนในชาติ ได้กระตุ้นให้คนออกมาหาความรู้ ติดตามข่าวสารบ้านเมือง ถกเถียง เรียกร้องในสิ่งที่ถูกต้อง ได้ืทำให้คนทั่วไปรู้ว่า ประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่ การเลือกตั้ง .. ซึ่งที่สุดจะนำไปสู่พัฒนาการทางการเมืองที่ก้าวหน้าขึ้น ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น ..
มันก็โคตรจะคุ้มเลยไม่ใช่หรือ ?
หลาย ๆ คนชอบพูดว่า บริหารประเทศ ก็ไม่ต่างอะไรกับบริหารบริษัท
แม้ผมจะไม่เห็นด้วย เพราะคิดเสมอว่า จุดหมาย และการมอง ประโยชน์ และ ต้นทุน ของสอง ‘กิจการ’ ที่ว่านั้น มันต่างกัน
แต่วันนี้จะลองเห็นด้วยดูสักครั้ง
.. แล้วก็เลยสงสัยต่อ ..
ความมั่งคั่ง ที่ยั่งยืน ของบริษัททั้งหลาย ล้วนต้องมาจากการบริหารที่โปร่งใส ตรวจสอบได้
แล้วความมั่งคั่งของประเทศล่ะ ? ต้องการสิ่งเหล่านั้นมั๊ย ? หรือไม่ต้อง ?
บริษัทต่าง ๆ ต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชี หรือเดี๋ยวนี้ก็มีฮิต พวกกระบวนการก็ต้องผ่านมาตรฐานต่าง ๆ อย่าง ISO 9000, ISO 14000 ถ้าเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ก็ต้อง CMM กัน ต้องผ่านการตรวจสอบรับรองคุณภาพมากมาย มอก. ISO JIS DIN FCC บางอันเค้าไม่ได้บังคับ ก็ยังเต็มใจไปสอบไปเรียกเค้ามาตรวจกัน
แล้วประเทศไม่ต้องมีอะไรพวกนี้เลยหรือ ?
ถ้าเผื่อไม่ได้สังเกต ก็ขออนุญาตชี้ให้เห็นว่า ทั้งหมดข้างบนนั่นน่ะ เป็นการตรวจสอบจากภายนอกทั้งสิ้น นั่นคือ ผู้ตรวจสอบอยู่นอกการควบคุมของผู้ถูกตรวจสอบ
หรือเราอยากเห็นประเทศโตแบบก้าวกระโดด ร่ำรวยใหญ่โต .. แต่มีจุดจบอย่าง Enron, Worldcom และ Livedoor ?
อาจจะเป็นเรื่องขำ ๆ ของเมืองไทย ที่คำว่า “ธรรมภิบาล” ฮิตกันในวงการธุรกิจมากกว่าวงการการเมือง
แต่ไม่รู้จะหัวเราะท่าไหนดี
ผมเห็นด้วยว่า การไปเดินขบวนบนท้องถนนน่ะ มันทำรถติด มีคนเดือดร้อน
แต่ผมก็เห็นว่า มันถูก ไม่ว่าจะมองแง่ไหน
ทั้งถูกต้องชอบธรรม และ ราคาถูกคุ้มค่า
ผมยอมจ่าย
Links:
- Etat de droit: ฝรั่งเศสก็ประท้วงจ้า
- bact’: การเดินขบวนวันจันทร์ในเยอรมนีตะวันออก
- คนชายขอบ: อารยะขัดขืน: ทางออกสุดท้ายของประชาชน?
- Kosum Saichan: Civil Disobedience under Thai Crony Capitalism (pdf)
- วิกิพีเดีย: Désobéissance civile | Ziviler Ungehorsam | อารยะขัดขืน | Civil disobedience | 公民抗命
- นักข่าว: แล้วก่อนหน้านี้ รถไม่ติดหรือวะ?, คุ้มราคาที่ต้องจ่าย
10 responses to “Traffic Jam is not affordable, it’s CHEAP !”
Just drop by to read your blog. I agree with your conclusion naka.You forgot about GM naka. I actually think it's a perfect example of (potential future of) Taxin's regime. Promise something you can't afford and refuse to change when there's chances na.:-)
กรณี คนที่บ่นเรื่อง mob ทำรถติดผมว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ "รถติด" อย่างเดียว(เหมือนกับที่ bact' พูดมา เพราะมันมีเหตุให้รถติดอยู่ชั่วนาตาปีอยู่แล้ว ไม่ใช่พึ่งจะมาเกิดตอน mob)ประเด็นน่าจะเป็น "การต่อต้าน"คนในประเทศเรา ไม่ค่อยชอบ คนที่มีพฤติกรรมหัวแข็ง (รวมทั้งคนที่มีหน้าตาแข็งกร้าว) ลองนึกถึงหมอพรทิพย์สิ มีหลายคนเลยที่ไม่ชอบหมอ เพราะหมอดู aggressiveหรือ พวก NGO ทั้งหลาย ที่มักต้องใช้ความ aggressive เข้าสู่กับอำนาจ +นิสัยหัวแข็ง (ไม่งั้นคงเป็น ngo ไม่ได้หรอก)ก็มีคนไม่ชอบอยู่มาก น่าแปลก ที่เวลา "ปัจเจกชนที่ไม่ชอบการต่อต้าน"อยู่กับครอบครัว มักจะมีความสามารถในการต่อต้านสูง, และมองการต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดา(ใครที่ไม่เคยเถึยงพ่อแม่บ้าง)ประเทศมันก็เหมือนครอบครัวแหล่ะนอกจากช่วงเวลาจี๋จ๋าแล้ว มันก็ต้องทะเลาะกันบ้าง
ใครไม่ได้รับผลกระทบตรงๆคงไม่เดือดร้อนอะไรพวกไปประท้วงนี่ เสียสละน่าดูไม่รู้เอาเงินมาจากไหนกัน
เมื่อก่อนผมเกลียดทักษิณนะ แต่ตอนนี้เกลียดสนธิมากกว่า :Pถ้าทุกคนคิด ทำ อย่างที่คุณเทพเสนอไว้ที่ blog ก็น่าจะจบ คือเลือกตั้งก็เลือกไป แต่การตรวจสอบต้องดำเนินต่อไปแรกๆ ก็เชียร์ม๊อบ ต่อมาชักรู้สึกแหม่งๆ แล้วก็เริ่มรำคาญ เพราะไม่รู้จักจบจักสิ้นกันเสียที ขู่ยึดทรัพย์อีก เฮ้อ อย่างนี้ใครมันจะออกล่ะ ต้องให้เขาออกก่อนดิค่อยยึดทรัพย์ เหมือนที่โบราณบอกว่า อย่าตีหมาจนตรอก แหม่ แค่นี้ก็ต้องให้สอนด้วย ;)อ้อ เรื่องรถติด เหตุการณ์อื่นๆ ที่ยกตัวอย่างมา กับเหตุการณ์นี้ ผมว่าไม่เหมือนกันนะ เพราะเหตุการณ์อื่นๆ ไม่มีเจตนาทำให้ประชาชนแตกความสามัคคี ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท … เมื่อเจตนาต่างกัน ย่อมส่งผลแห่งกรรมต่างกันครับ 🙂
คาราวานคนจนก็ปิดถนนบ้างแล้ว หน้าเนชั่นเลยตอบพี่หน่อย:ผมไม่คิดว่าการชุมนุมนี้ต้องการให้ "คนในชาติ" แตกความสามัคคีนะครับม็อบเค้าอาจจะไม่สามัคคีกับทักษิณ แต่ก็อย่างที่หลาย ๆ คนว่า ถ้ามีคนมาปล้นบ้านเรา ทำไมเราต้องสามัคคีกับโจร ? ต้องประนีประนอมกับโจร ?ผมว่าเราต้องแยกคนร่วมชุมนุมออกจากแกนนำอย่างเรื่องระคายฯ อะไรนี่ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องการรัฐบาลพระราชทานการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีหลายกระแสมาร่วมมือกันไม่ใช่มีแค่กลุ่มพันธมิตรอย่างเดียวครับจุดหมายร่วมพื้นฐานนั้น คือเอาทักษิณออก แต่เรื่องอื่น ๆ นั้นเรียกว่า กลุ่มเคลื่อนไหวต่าง ๆ แทบจะเห็นไม่ตรงกันเลย ทั้งเรื่องการชุมนุมยืดเยื้อ การตีความมาตรา 7 การขอรัฐบาลพระราชทาน การบอยคอตการเลือกตั้งถ้าเรามองว่าม็อบทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียว และคิดเหมือนกันหมดมันก็เหมือนเราว่า ทุกคนที่รักทักษิณนั้นไม่รักชาติ ซึ่งจริง ๆ มันก็ไม่ใช่ เพราะแต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเองไม่ใช่ว่าคนที่เชียร์ทักษิณทุกคนจะโง่หน้ามืดตามัวหรือคนที่ไปชุนนุมทุกคนถูกสนธิหลอก ถูกจำลองหลอก(อย่างที่กลุ่มสนับสนุนทักษิณพยายามจะบอก แล้วก็ทำการดิสเครดิตแกนนำกลุ่มพันธมิตร เพื่อที่จะโยงไปว่า เมื่อแกนนำไม่มีความชอบธรรมแล้ว ผู้ชุมนุมทั้งหมดก็ไม่ความชอบธรรม ซึ่งผมว่ามันไม่ใช่ มันง่ายไป)อาจารย์มหาลัย นักวิชาการ กลุ่มอาชีพ ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองที่เค้าไม่เอาทักษิณ หลายคนก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพันธมิตรบางคนนั้นอยู่ในกลุ่มที่เป็นแนวร่วมกับกลุ่มพันธมิตร แต่ก็ไม่ใช่กลุ่มพันธมิตร กลุ่มสนนท. ที่ไปร่วมชุมนุม ก็โบกธงว่าไม่เอารัฐบาลพระราชทานหรือบางคนนั้นก็ไม่ได้อยู่กลุ่มไหนเลย อย่างอ.อัมมารและกลุ่มจากทีดีอาร์ไอ ซึ่งผมมองว่าเป็นกลุ่มอิสระ (แต่ไม่เป็นกลาง) หรือ อ.ธีรยุทธส่วนบางคนออกตัวชัดเจนเลย ว่า ถึงแม้จะไม่เอาทักษิณ,สนับสนุนการต่อต้านทักษิณ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตร อย่าง อ.สมศักดิ์ จาก มช. หรือบางคนถึงไม่ได้ไปร่วม แต่ก็สนับสนุนการชุมนุมตัวไม่ได้เชียร์สนธิตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้จะเชียร์ทำไม(ผมต้องขอบคุณเรื่องที่เค้าทำบางอย่าง แต่ไม่เชียร์)แต่ผมสนับสนุนผู้ชุมนุมครับ
pressjargon: แล้วก่อนหน้านี้ รถไม่ติดหรือวะ?http://www.pressjargon.org/?p=141
คุณ bact' กรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ยังจะนำไปสู่ทางอื่นที่ไม่ใช่รัฐบาลพระราชทานได้อีกเหรอครับถ้า toxin ลงไปแล้ว กลุ่มที่ไม่เอานายกพระราชทานจะแยกตัวออกจากพันธมิตรงั้นหรือ ?แค่มีคนยืนโบกธงไม่เอานายกพระราชทานในกลุ่มพันธมิตรพระราชทานไม่ได้แสดงว่ามีการต่อสู้หลายแนวทางแต่อย่างใดและท้ายที่สุดก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองก็เป็นฐานของกลุ่มเรียกร้องนายกพระราชทานเช่นกันในเมื่อไม่มีแนวทางการต่อสู้ของตัวเอง จนต้องยอมปิดตาข้างหนึ่งเพียงเพื่อไล่คนๆเดียว(ที่ตอนนี้โดนวาดภาพราวกับเป็นเทพอสูรลูซิเฟอร์)การไปยืนโบกธงไม่เอานายกพระราชทานในกลุ่มพันธมิตรพระราชทานก็เป็นได้แค่การหลอกตัวเอง ว่ากูไม่ได้ต้องการนายกพระราชทานนะ แค่นั้นเองรูป
ตอบคุณ แม้วphobia:ผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ ว่าการชุมนุมนี่ จะนำไปสู่อะไรแต่อย่างน้อย ภาพการ์ตูนตามลิงก์นั่น ก็น่าจะยืนยันได้ว่ามันไม่ได้มีเอกภาพจริง ๆ ในหมู่ผู้ชุมนุม(และไม่ได้หลอกตัวเองด้วย – ก็ไม่ได้อยากได้จริง ๆ นี่นา)
fringer ลิงก์มานี่ด้วย โอว…
นี่ก็อีกวิธีของอารยะขัดขืน ..็ฉีกบัตรเลือกตั้งซะเลย