ไม่มีอะไร แค่ชื่อหนังสือ น่าจะเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ดี (แต่ถ้าเข้าไม่ดี ก็น่าจะดีกว่า)
อัปรีย์ไป จัญไรมา ถ้าก้าวไปไม่ถึงสาระแห่งประชาธิปไตย
โดย ส.ศิวรักษ์ และคนอื่น ๆ สถาบันสันติประชาธรรม, 2538 (ดูปก)
ชำแหละแก่นประชาธิปไตย วิพากษ์การเมือง ชี้ระบบเลว เลือกตั้งยึดตัวคน
“…..หวังว่าประชาธิปไตยจะวิวัฒนาการไปสู่การรับใช้ประชาราษฎร ยิ่งกว่ารับใช้นายทุนขุนศึกและเจ้าศักดินา ดังที่แล้วๆ มา หาไม่การเลือกตั้งแต่ละครั้งก็เท่ากับว่า อัปรีย์ไป จัญไรมา เท่านั้นเอง วลีดังกล่าว ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นคนแรกที่นำมาใช้กับการเปลี่ยนรัฐบาล ทราบว่า พระยาพจนปรีชา ใช้ปรารมภ์ถึงรัฐบาลพหลพลพยุหเสนา ซึ่งมาแทนที่รัฐบาลมโนปกรณ์นิติธาดา แต่ พ.ศ.2476 นั้นแล้วต่างหาก…..”
ลองหาในห้องสมุด น่าจะมี (ห้องสมุดมอ.มี) หรือจะไปซื้อที่เว็บเค้าก็ได้
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
- ข้ามให้พ้นประชาธิปไตยแบบหลัง 14 ตุลา, ธงชัย วินิจจะกูล
- “ ทักษิณไม่ใช่ปัญหาประการเดียวของแผ่นดิน แต่มีอะไรบางอย่างที่ใหญ่กว่าทักษิณ ” ความอิจฉาเป็นบ่อเกิดแห่งความเสมอภาค, เกษียร เตชะพีระ
เพิ่มเติม: แนะนำโดย jittat
“ ขอประชาธิปไตยที่กินได้ อัปรีย์จะไป จัญไรจะมา…ช่างหัวมัน ”, ประภาส ปิ่นตบแต่ง
3 responses to “อัปรีย์ไป จัญไรมา”
ผมไมได้ใส่ใจ หนังสือ ที่แนะนำสักเท่าไร เห็นชื่อคนเขียนแล้วไม่ได้จูงใจให้อ่านแต่สนใจ และสะใจ กับวลี "อัปรีย์ไป จัญไรมา" ที่ได้ให้แง่คิดกับการเคลื่อนไหวขับทักษิณคราวนี้ ต่อจิกซอว์ "ผู้ไล่" ผ่านตัวละครที่โผล่ออกมาแล้ว แล้ว เห็นภาพคนแก่ผมขาวคอเอียงอยู่เบื้องหลัง พลิกดูข้างหลังภาพที่ว่านี้ เห็นคนแก่อีกคน ใส่แว่นเช่นนี้แล้ว ประชาชนถาโถมเข้าร่วมขับคนหน้าเหลี่ยมคราวนี้ (และยังยืนยันว่าต้องขับ) หมั่นต้องท่องคาถา "อัปรีย์ไป จัญไรมา" เพื่อจะได้ย้ำจดย้ำจำว่า การแตะหมูเข้าปากหมานั้น พึงหลีกเลี่ยงเสียคำถามว่าจะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร ต้องช่วยคิดให้จงหนัก
บทสัมภาษณ์ ประภาส ปิ่นตบแต่ง: ขอประชาธิปไตยที่กินได้ อัปรีย์จะไป จัญไรจะมา…ช่างหัวมันมุมมองจากกลุ่มเคลื่อนไหวของคนจน
เหมือนกับมี "มือที่มองไม่เห็น" :P.. พอถึงสถานการณ์อันนึง คนจากที่ต่าง ๆ ที่มีความคิดแนวทางต่าง ๆ ก็อยากจะได้คำตอบ หรือความเข้าใจที่มากขึ้นกับสิ่งที่ประสบอยู่แล้วมันก็เลยบีบทางเลือกที่เป็นไปได้ให้แคบลง ๆผมเจอวลีนี้อย่างบังเอิญ ตอนนั้นค้นเรื่องอะไรซักอย่างนี่แหละ แล้วไปโผล่ที่เว็บนั้นเห็นว่าน่าสนใจ เลยไล่อ่านลงไปเรื่อย ๆ พอเจอกับหนังสือชื่อนี้ ก็เลยนึกขึ้นได้เหมือนมือที่มองไม่เห็น (อันอื่น ๆ ?) ก็พาคนอื่นมานึกถึงวลีนี้เหมือนกัน .. ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ไปหรือจริง ๆ อะไร ๆ มันก็วิ่งไปวิ่งมาในอากาศตลอดเวลาแหละเพียงแต่ว่า จะถึงตอนไหนที่เผอิญหัวเรา (ความสนใจขณะนั้น) มันดันจับคลื่นได้ตรงกันพอดี ?เรื่อยเปื่อย 😛