“ ถ้าเราออกไปขับไล่ทักษิณ แล้วเกิดรบไม่ชนะ พวกเขากลับมาด้วยความอาฆาต พวกเราจะซวยหนัก ถูกเช็คบิลรายบริษัท ผมจึงอยากเสนอให้คุณทักษิณ เว้นวรรค ก็พอแล้ว ไม่ต้องถึงกับลาออก ”
“ การต่อสู้ครั้งนี้ ไม่เหมือนกับตอนที่นักธุรกิจชูธงเขียว ปฎิรูปการเมือง เพราะตอนนั้นมี ป๋าเหนาะ (เสนาะ เทียนทอง) เป็นไดโนเสาร์ เพียงตัวเดียว แต่การรบครั้งนี้ เรากำลังสู้รบกับมหาเศรษฐีที่มีเงิน 50,000-60,000 ล้าน (นะครับ) ”
“ ผมโดนสรรพากรเข้าไปเล่นงาน เรียบร้อยแล้ว เพียงเพราะผมออกไปเคลื่อนไหวขับไล่ทักษิณที่สนามหลวง ผมโดนเล่นงานเลย แต่ผมไม่กลัวมันหรอก สักวันสังคมจะเปลี่ยนแปลง ถ้าเรากลัวพวกมัน หัวหด สังคมก็ไม่เปลี่ยนแปลง ”
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สังคมต้องมีต้นทุนที่ต้องจ่ายเสมอ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ หรอก และมาตรการที่ท้าทายกลุ่มทุนไทยรักไทยมากที่สุดก็คือ การเล่นกับตลาดหุ้น เพราะมันรวดเร็วและเสียหายฉับพลัน
“ การถล่มตลาดหุ้น น่าจะดีกว่าการไปเล่นเชิงสัญลักษณ์ เช่น การบอยคอตสินค้าของกลุ่มทุนไทยรักไทย หรือกลุ่มทุนสิงคโปร์
ผมถามง่าย ๆ คุณบอยคอตไม่ซื้อโตโยต้า เปลี่ยนไปซื้อฮอนด้า ก็เป็นของเสี่ยพงษ์ สารสิน และฮอนด้าก็ใช้ชิ้นส่วนของจึงรุ่งเรืองกิจ (มันก็แปะเอี๊ย1)
หรือไม่ใช้ เอไอเอส ไปใช้ ทรู มันก็ของกลุ่มซีพี หรือไปใช้ยี่ห้อ ดีแทค คุณแน่ใจหรือว่า ชัวร์ ”
ก็น่าจะเข้าใจและเห็นใจนะครับ เพราะแหม จะออกมาทำอะไรให้มันชัดเจน ก็แสนจะเสี่ยง ไม่โดนตรง ๆ จากอำนาจรัฐ ก็ยังมีอำนาจจากกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ (ซึ่งสนับสนุนอำนาจรัฐ) อีก
ยิ่งในฐานะเจ้าของกิจการแล้ว ไม่ใช่แค่ความอยู่รอดของกิจการ แต่ยังต้องรับผิดชอบ (รึเปล่า ?) ชีวิตพนักงาน (และครอบครัว) อีก ก็คงต้องคิดหน้าคิดหลังหน่อย (หรือไม่พนักงานทั้งหลายก็ต้องเอาด้วยนี่แหละ :P)
1 กูเกิ้ลคำว่า “แปะเอี้ย” (ใช้ไม้โท) ดู ๆ แล้ว น่าจะแปลทำนองว่า “ครือ ๆ กัน” “พอ ๆ กัน”
One response to “White Collars’ Says”
เคยได้ยินแต่ "แปะเอี่ย"แต่นึกคำแปลไม่ออก