Take It for Granted


(เขียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่บ้าน เพิ่งโพสต์วันนี้)

ผม งง ๆ (ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร เออ มัน งง ๆ) นิดหน่อย เวลาได้ยินคนคุยกันเรื่องเด็กทุน ตีวงมาอีกนิด เด็กทุนรัฐบาลไทยที่มาเรียนต่อเมืองนอก

คือ บางทีก็งงเสียงที่มาจากเด็กทุนเอง แต่บางครั้งก็งงกับเสียงที่พูดถึงเด็กทุน

หัวข้อที่ฮอต ๆ ตามเว็บบอร์ด อย่างพันทิป.คอม ห้องไกลบ้าน ก็คือเรื่อง หนีทุน
คือเรียนจบแล้ว ไม่ยอมกลับไปใช้ทุนคืนตามสัญญา
เหตุผลก็ต่าง ๆ นา ๆ กันไป บ้างก็ได้งาน บ้างก็ได้ครอบครัว (แต่บางรายก็พาแฟนกลับมาเมืองไทยด้วยได้! อันนี้เจ๋งจริง :P) อะไรก็ตาม สุดท้ายคือ กลับไปทำงานใช้ทุนคืนที่เมืองไทยไม่ได้นะ ไม่ได้จริง ๆ เข้าใจด้วย
บางคนก็ขอชดใช้แทนเป็นตัวเงิน ซึ่งสัญญาก็จะมีระบุไว้ สองเท่าบ้าง สามเท่าบ้าง
บางคนก็ขอหนีไปเฉย ๆ เลยละกัน แหม เงินตั้งเยอะ จะหามาจากไหน แน่จริง อยากได้ ก็ตามมาฟ้องเอาสิ
ไม่ว่ากรณีไหน คนค้ำประกันที่เมืองไทย ก็จบ หมดเครดิต

บางคนว่า คนจะไปได้ดี จะรั้งเค้าไว้ทำไม อยู่เมืองไทยก็ไม่รุ่ง
เค้าอยู่เมืองนอกนี่ อาจจะทำประโยชน์ให้เมืองไทย ได้มากกว่าอยู่เมืองไทยซะอีก (ผมก็ว่า บางทีมันก็จริงนะ อย่างโครงการสมองไหลกลับ (RBD) ของสวทช. ก็คงประมาณนี้ คนไทยที่ทำงานอยู่เมืองนอกทำงานร่วมกับคนไทยในเมืองไทย ผลที่ได้ก็คือ เราได้ใช้ทรัพยากรบางอย่างที่ในเมืองไทยไม่มี ผ่านทางคนไทยในเมืองนอก
ผลงานเด่น ๆ จากโครงการนี้ก็อย่าง ชุดวิจัยการประยุกต์ใช้เถ้าลอยลิกไนต์ทดแทนซีเมนต์)

บางคนก็ว่า เค้าชดใช้เงินคืนให้แล้ว ก็น่าจะโอเค

บางคนก็ว่า ไม่โอเคนะ ไอ้ที่ชดใช้เงินคืนน่ะมันก็มี ไอ้ที่ไม่ใช้คืนมันก็เยอะ
ที่สำคัญ เวลาที่เสียไปน่ะ สามปี ห้าปี จะเอาอะไรมาจ่ายคืน
แผนงานต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ กะว่าเด็กทุนคนนี้จบปุ๊บ ก็จะเสียบเข้าแผน เดินได้เลย ก็ล้ม ล่าช้า แบบนี้สูญเสียโอกาสไปเยอะแยะ ไม่คุ้มกันเลย

บางคนก็ว่า สัญญามันไม่เป็นธรรม .. บางคนก็ … ฯลฯ

จะว่าไป … ถ้ารู้ว่าทำตามสัญญาไม่ได้ แล้วรับไปทำไมน่ะ ทุน
คนสอบชิงทุนไม่ได้มีแค่คนสองคน มีกันเป็นร้อยเป็นพัน
หรือถ้าหาปีนี้ไม่ได้จริง ๆ รอเก็บไว้ให้ปีหน้าก็ได้ (รอปีเดียว ดีกว่ารอสามปี)

ผมก็ไม่รู้แฮะ

บางทีตอนรับทุนก็อาจจะมีความตั้งใจอย่างนึง
แต่ของงี้มันก็เปลี่ยนกันได้ คนทั้งนั้น สภาพแวดล้อมรอบตัว เงื่อนไขต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปตามเวลา

นั่นก็เรื่องนึง สำหรับคนที่จบแล้ว

ส่วนคนที่ยังไม่จบ ก็จะมีเรื่องจุกจิกอันโน้นอันนี้อีก อย่าง..

เด็กทุนควรจะไปทำงานพิเศษมั๊ย
บางคนก็ว่า ทำนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ดี จะได้ ๆ ประสบการณ์
บางคนก็ว่า ถ้าไม่เสียการเรียน ก็โอเค
บางคนก็ว่า เฮ้ย ไม่ถูกนะ เค้าให้ไปเรียน ก็ไปเรียน เหมือนกับตอนนี้รัฐ ‘จ้างเรียน’ อยู่นะ ไปทำงานอื่นซ้อนกันไม่ได้สิ (แหม แต่ข้าราชการบ้านเรา โดยเฉพาะชั้นผู้น้อยที่มีครอบครัว ยังต้องไปขับแท็กซี่กะดึกเลย .. ปากท้องนะ)
หรือเด็กทุนนี่ทำไมไม่ตั้งใจเรียนเลย (ก็ไม่รู้ว่าไปนั่งเฝ้าตลอดเวลารึไง ถึงได้รู้)
หรือ บลา บลา … เยอะแยะ

แหม เป็นเด็กทุนนี่มันก็ลำบากเนอะ แบบ จะอะไรกะกูนักหนาวะ
เฮ้ย คน ไม่ใช่เครื่องจักรเรียนหนังสือ
หนูก็อยากดูหนัง ฟังเพลง แต่งตัว ไปเที่ยว สังสรรค์ สังคมบ้าง
รับทุน ไม่ได้หมายถึงขายชีวิตซะหน่อย …
ความตั้งใจน่ะให้ไปเต็มที่แล้ว แต่ขอชีวิตเป็นของตัวเองหน่อย จะได้มั๊ย ?

อะไรก็เถอะ ผมฟัง ๆ แล้วก็ยังเฉย ๆ คือแต่ละคนก็ เออ วิจารณ์ได้น่ะ ขอให้มี ground (รากฐาน ?) ในการวิจารณ์ ไม่ได้พูดอะไรลอย ๆ แบบ ฉันอยากจะว่าก็ว่า

มีอยู่อันเดียว ฟังแล้ว เออ งง ๆ

คือมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับว่า เด็กทุนควรจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไรหรอก
แต่เป็นเหตุผลที่หลาย ๆ คนชอบใช้ … มันง่ายดีไง คือ
ทุนทั้งหลายเนี่ย “มันภาษีพ่อแม่กูนะเว้ย”
(เพราะงั้นกูเลยมีสิทธิ์บอกว่า เอ็งควรจะทำอะไรได้และไม่ได้ ?? .. รึเปล่า ? ไม่รู้จะอนุมานยังไงดี)

หึ หันควับไปมอง ถามคนพูดหน่อยสิ
เรียนจบที่ไหนมา ?
มหาลัยรัฐรึเปล่า ? (จะในหรือนอกระบบก็เถอะ) โปรแกรมปกติรึเปล่า ?

ถ้าเกิดว่าใช่ เออ มึงก็เรียนมาด้วย “ภาษีพ่อแม่กู” เหมือนกันน่ะแหละ
ถึงไม่เต็ม ๆ ทั้งหมด แต่ก็เยอะล่ะ
ตอนเรียนนี่ตั้งใจมั๊ยล่ะ จบมามีสำนึกจะตอบแทนอะไรมั่งมั๊ยล่ะ …
ปึ๊ก

ไม่ได้ว่าว่าว่าไม่ได้
(อืมม ประโยคนี้น่าสนใจแฮะ abbba : a=ไม่ได้ , b=ว่า ; อืมม.. )
แต่ที่จะว่าคนอื่น/หรือคาดหวังให้คนอื่นทำน่ะ ตัวเอง(เคย)ทำรึเปล่า ?

เออ นี่ถ้ามีคุณป้าแถวนี้ เดิน ๆ มาชี้หน้าด่า เอ็ง อย่าขี้เกียจให้มาก
ผมก็คงต้องฟังมั่งล่ะเนอะ
ก็เงินเดือนผมมันก็มาจากภาษีเค้านี่
(หรือจะแกล้งตกงานแล้วรอรับเงินประกันสังคมดีวะเนี่ย :P)

โคตรจะขี้เกียจเล้ย …


One response to “Take It for Granted”

  1. พูดในฐานะเด็กทุนนะครับทาง กพ. เค้าอนุญาตให้ทำงานได้ไม่เกินกึ่ง(ครึ่ง)หนึ่งของเงินทุนที่ได้รับมา อันนี้มีระเบียบชัดเจน แต่ในกรณีของบางประเทศที่บังคับให้ทำงานด้วย อันนี้สามารถชี้แจงให้ผู้ดูแลนักเรียนทุนในแต่ละแห่งทราบได้ และจะพิจารณาเป็นกรณีไป ซึ่งเกือบทั้งหมดก็ได้รับอนุญาต คนที่หลบๆ ซ่อนๆ ก็เพราะว่ามีปัญหาแต่ไม่ยอมถามผู้ดูแลครับ การรับทุนที่เป็นของรัฐบาลไทยเนี่ย มันมีหลากหลายมาก ทุนให้เปล่าก็มีเยอะ ถ้าไม่ต้องการข้อผูกมัดหลังจากเรียนจบแล้วก็ให้เลือกอันนั้นไป หรือถ้าเก่งจริงๆ ก็รับทุนแค่โทแล้วไปใช้ทุนสอง-สามปี ก็ได้เป็นอิสระแล้ว การรับทุนมาแล้วไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่รับทราบไว้ตั้งแต่ต้นแล้วจะอย่างไรก็เรียกว่า โจร ครับ ข้ออ้างอื่นๆ นั้นใช้ไม่ได้เลย ถ้าคิดว่าระเบียบไม่เหมาะสม ก็ค่อยมาแก้เอาทีหลังอันนั้นถึงจะถูก กรณีอยู่เืมืองนอกแล้วทำประโยชน์ให้ชาติ ก็ดูพี่ฮุ้ยเป็นตัวอย่าง พี่เค้าไม่ได้เอาทุนของประเทศไทยนะครับ เอาทุนที่อื่น เรียนจบพี่เค้าจะทำอย่างไรก็ได้ อันนั้นถึงจะถูกเท่าที่รู้จำนวนคนที่โกงทุนนั้น นับเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วน้อยมาก ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ ดูเหมือนเยอะเพราะพูดกันไปมากนั่นเอง ปัญหาเรื่องกลับมารับราชการ แล้วเงินเดือนไม่พอใช้ ถึงจะพอเพียงแล้วก็ตาม อันนี้จริง จบ ดร. มาแล้วเงินเดือนหมื่นเจ็ดร้อย 10,700 บาท อีกสองปีถึงจะขอ ผศ. ได้ ก็จะมีเงินเดือนประมาณ 17,000 บาท เงินเท่านี้คนที่เริ่มสร้างครอบครัวอยู่ไม่ได้หรอกครับ การออกนอกระบบเป็นหนทางหนึ่ง แต่การสร้างสวัสดิการให้ข้าราชการนั้นน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า แต่เรื่องนี้จะเอามาเป็นข้ออ้างในการโกงไม่ได้ ทุกคนมีเหตุผล แต่ต้องไม่ผิดศีลสี่ข้อแรกนะครับ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.