Tag: national security

  • “อินเทอร์เน็ตภิบาลกับประชาสังคม” / “ยกเลิกกฎหมายความมั่นคง”

    ประชาสัมพันธ์สองงาน พรุ่งนี้ (เสาร์ 4 กันยา) 12:30 ที่ร้านกาแฟวาวี ซอยอารีย์ มี เวิร์กช็อปและแลกเปลี่ยน “อินเทอร์เน็ตภิบาลกับประชาสังคม” กลางเดือนนี้ วันที่ 14-17 ก.ย. จะมี Internet Governance Forum ครั้งที่ 5 เป็นที่ประชุมอินเทอร์เน็ตภิบาลระดับโลก คุยกันเรื่องการกำกับดูแลอินเทอร์เน็ต และประเด็นท้าทายใหม่ ๆ ที่ต้องรับมือ จะมีผู้เข้าร่วมจากภาคประชาสังคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปร่วมด้วย ถึงจะไม่กี่คน แต่ก็พยายามจะให้มันมีอินพุตมีเสียงจากชายขอบของชายขอบอีกทีบ้าง (คือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มันก็ชายขอบในวง IGF อยู่แล้ว แล้วภาคประชาสังคมมันก็ชายขอบของชายขอบไปอีกที) สำหรับประเทศไทยจะตัวแทนจากเครือข่ายพลเมืองเน็ตไปด้วย เขาก็เลยนัดกันว่า วันเสาร์นี้ เจอกันที่วาวีละกัน มาคุยกัน ใครสนใจอยากจะแลกเปลี่ยน เผื่อฝากประเด็นอะไรไปที่เวทีนี้ ก็ฝากได้ หรือใครอยากจะเข้าร่วมแบบทางไกล ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ IGF เขาจะเตรียมไว้ให้ วันเสาร์นี้ก็มีเวิร์กช็อปเล็ก ๆ แนะนำเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ ด้วย เป็นการเตรียมตัวเตรียมพร้อม ใครสนใจก็เชิญนะครับ อีกเรื่อง อย่างที่เราก็ได้เห็นมาแล้ว ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาในกรุงเทพ…

  • On National Security Act (1)

    “ ถ้ากฎหมายนี้ผ่านจะมีรัฐซ้อนรัฐในประเทศ รัฐธรรมนูญก็หมดความหมาย ” — นายพิภพ ธงไชย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย “ ขณะนี้รัฐบาลมีกฎหมายความมั่นคงอยู่แล้ว 2 ฉบับ คือ กฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ที่แก้ไขเมื่อปี 2546 เพิ่มเติมเรื่องภัยคุกคาม และพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน การออกพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ถ้าพูดตรงไปตรงมาคือการเปิดบทบาทให้กองทัพเข้ามาจัดการบ้านเมืองได้หลายเรื่อง เช่น มาตรา 9 ให้จัดตั้งกอ.รมน. มาตรา 10 ให้กอ.รมน.จัดการเรื่องความมั่นคงทั้งในภาวะปกติและไม่ปกติอย่างเต็มที่ ทั้งที่มีกฎหมายที่จะประกาศใช้ตรงไหนก็ได้ ห้ามการชุมนุมได้อยู่แล้ว ขอบเขตความมั่นคงในราชอาณาจักรหรือภัยคุกคามกว้างมาก เป็นความมั่นคงในทรรศนะที่แปลก ให้มีอำนาจจัดการทั้งในยามปกติและไม่ปกติ ซึ่งพ.ร.บ.นี้สร้างบทบาทให้กองทัพมีอำนาจล้น และตรวจสอบไม่ได้ ถือว่าท้าทายหลักนิติธรรมของประเทศอย่างมาก ขัดต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน หากโครงการของรัฐที่ประชาชนได้รับความเสียหายมาเรียกร้องจะถือว่ากระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ พ.ร.บ.นี้ยังขัดกับการกระจายอำนาจ เป็นสิ่งย้อนยุค ผบ.ทบ.เป็นผู้มีอำนาจและใช้ดุลยพินิจสูงมาก แม้นายกฯจะเป็นประธานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงภายใน แต่ไม่มีอำนาจ จึงไม่ควรออกกฎหมายในยุคนี้ ควรประเมินการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่าใช้ได้หรือไม่ ไม่ใช่รวบอำนาจให้กอ.รมน. กองทัพบก เพราะเป็นการสร้างอำนาจซ้อนรัฐ ยิ่งรัฐบาลชุดใหม่อ่อนแอเพราะเป็นรัฐบาลผสม กอ.รมน.จะมีบทบาทสูงเรื่องความมั่นคง ผมไม่เห็นด้วยที่จะออกกฎหมายนี้ ” — นฤมล ทับจุมพล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์…

  • National Security – Nation of Who ?

    พ.ร.บ. ความมั่นคง (ยังเป็นร่างอยู่ กำลังจะผ่าน) จะสร้าง ‘ความถูกต้องและชอบธรรมทางกฎหมาย’ ให้กับกองทัพ ในการใช้อำนาจกดขี่ประชาชน ซึ่งรวมถึง: อำนาจในการโยกย้ายข้าราชการ อำนาจในการจับใครคุมขังก็ได้โดยไม่ต้องพึ่งหมายศาล — โดยสามารถควบคุมตัวได้ 7 วัน รวมถึงขยายเวลาควบคุมต่อได้อย่างไม่สิ้นสุด อำนาจในการห้ามมิให้มีการชุมนุม อำนาจในการกักกันบริเวณ “ สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นฝันที่เป็นจริง หากประชาชนไม่สามารถต้านทานพลังทหารและพวกเชลียร์ทหารได้ในอนาคตอันใกล้ ใครก็ตามหากถูกทหารจับไปซ้อมสักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็อาจสามารถพูดอะไรก็ตาม ที่ทหารอยากให้ ‘สารภาพ’ ก็ได้ ซึ่งไม่น่าเป็นเรื่องแปลกและคาดไม่ถึง และคงจะเกิดขึ้นหาก พ.ร.บ. นี้ประกาศใช้ ” — ประวิตร โรจนพฤกษ์ กลุ่มผู้ที่สนับสนุนร่าง พ.ร.บ. นี้ อ้างว่าประเทศเพื่อนบ้านของเรา อย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ ก็มีกฎหมายลักษณะนี้ และประเทศทั้งสองก็ดู ‘สงบเรียบร้อย’ ดี (หากรู้ไหมว่า ความสงบเรียบร้อย(ราบคาบ) ของสองประเทศนี้ อยู่บนพื้นฐานของการกดขี่ ละเมิดสิทธิทางการเมืองของประชาชนอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง) และข้อแตกต่างสำคัญ ระหว่างร่างของเรา กับกฎหมายของเขาที่อ้างมานั้น ก็คือ อำนาจตามกฎหมายของเขานั้น อยู่กับ นายกรัฐมนตรี (พลเรือน,…

  • The Fifth Horseman Is Fear

    คนป่วยแนะหนัง The Fifth Horseman Is Fear “ความกลัวคือเครื่องมือ” นอกจากภาพ หนังยังเต็มไปด้วยเสียงรบกวนตลอดเวลา ทั้งนาฬิกาปลุก โทรศัพท์ กริ่งประตูบ้าน เสียงเด็กทารก ในหนังเรื่องนี้แทบไม่มีใครได้ทำกิจกรรมที่กำลังทำอยู่สำเร็จเสร็จสิ้น เพราะพวกเขาล้วนถูกรบกวนจากเสียงเหล่านี้ เสียงเตือน เสียงร้องหา เสียงที่เป็นเสมือนอำนาจรัฐจับตาทุกการกระทำของทุกตัวละคร ชื่อหนังขยายความมาจากตอนหนึ่งในพระคัมภีร์ [ไบเบิ้ล] ที่พูดถึง มนุษย์บนหลังม้าสี่คน ที่หมายถึงสี่ประการที่จะทำลายความเป็นมนุษย์ของผู้ชายลง สิ่งนั้นประกอบด้วย ม้าสีขาวคือ โรคระบาด ม้าสีแดงคือ สงคราม ม้าสีดำคือ สตรี และม้าสีเทาคือ ความตาย และหนังเรื่องนี้ยั่วล้อถึงม้าตัวที่ห้า นั่นคือ – ความกลัว – ความกลัวนี้เองที่ทำให้คนตกเป็นเครื่องมือของอำนาจรัฐ เพื่อนกลายเป็นศัตรู คนที่เคยช่วยเหลือกันกระทั่งศพก็ยังไม่เหลียวมอง และเป็นความกลัวนี้เองที่ใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำลายมนุษย์ และแม้ว่าในเวลาปัจจุบัน นาซีได้ล่มสลายไปยาวนานแล้ว แต่เผด็จการยังคงเกิดใหม่ทุกวัน หนังคือภาพร่างคร่าวของประชาชนที่ตกอยู่ภายใต้ความกลัวอันเป็นเครื่องมือสำคัญที่รัฐใช้เสมอมา ความกลัวถึงสถานะที่ไม่มั่นคง ความกลัวที่จะไม่ได้เลือกตั้ง ความกลัวที่จะไม่มีรัฐธรรมนูญ ความกลัวคือเครื่องมือเสมอ ฉากสุดท้ายของหนังพาเราย้อนกลับมาที่ป้ายประกาศนั้นอีกครั้ง ตัวหนังสือบนป้ายเขียนว่า เพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของประชาชนหากเห็นสิ่งไม่ชอบมาพากลให้โทรแจ้ง เบอร์ 44811 เพื่อรัฐ…