See / Believe


(ตอบ mk, mk ตอบใครไม่รู้, เรื่องรับน้อง กำลังฮิ๊ตฮิต แนวมาก)

ถ้าเราไม่เชื่อใครเลย
(เปลี่ยน รุ่นพี่ เป็น รุ่นน้อง เป็น คนแถวบ้าน เป็น พี่ยาม เป็น ผู้ใหญ่ เป็น กำนัน)

เราคงต้องคิดทุกอย่างด้วยตัวเองหมด เสี่ยงทุกอย่างด้วยตัวเอง
ลองผิดลองถูก
จะมีใครมีปัญญา และเวลา พอจะทำงั้นบ้างนะ

เลือกเชื่อเอาตามใจละกัน
บางทีถ้าเราเรียนรู้ ว่าใครควรเชื่อมาก เชื่อน้อย
มันก็ประหยัด เวลา พลังงาน สิ่งที่รัก คนที่รัก ไปได้

ชีวิตคนเรามันสั้นเกินไปที่จะไม่เชื่อใครเลย

ในขณะเดียวกัน ถ้าไม่คิดอะไรเองเลย ก็ไม่รู้จะเกิดมาทำไม

มันต้องมีที่ระหว่างสองอย่างนั้นสิ
ซึ่งแต่ละคนก็มี “จุดสบายใจ” ไม่ตรงกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงกลาง หรือตรงไหนเหมือน ๆ กันหมด


8 responses to “See / Believe”

  1. ก็อปมาตอบ—–ก็หมายความอย่างที่ bact' ว่าแหละ จริงๆ แล้วมันเป็นวิธีคิดที่"เหมาะสม" (คงไม่มีวิธีคิดที่ "ถูกต้อง") ตามหลักกาลามสูตร คือ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของคุณ ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่คุณเชื่อหรือทำ คุณคิดมาดีแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถมาว่าคุณได้ถ้าคนส่วนมากคิดกันได้แบบนี้ มันก็จะเป็น Knowledge-Based Society อย่างที่นายกฝันให้เป็น (มันต้องเริ่มที่วิธีคิดนี่ล่ะ) อยากให้มีคนแบบนี้เยอะๆ

  2. ผมไม่ได้หมายถึง วิธีคิดที่เหมาะสมผมหมายถึง ระดับความเชื่อคนอื่น ที่เหมาะสม – โดยไม่ต้องคิดถ้าผมไว้ใจใครระดับนึง ผมก็พร้อมจะเชื่อเค้าตามโอกาสผมไม่คิดเองโดยละเอียดทุกครั้งหรอก(ผมถือว่าผมเคยคิดไว้ระดับนึงแล้ว ว่าคน ๆ นี้มันคิดเรื่องนี้โอเค งั้นเชื่อมันละกัน ไม่ต้องไปคิดเอง ไว้มันไม่โอเคเมื่อไหร่ ค่อยเปลี่ยนความคิด)"จุดสบายใจ" ที่บอกว่าแต่ละคนก็อยู่ไม่ตรงกันคือ จุดที่อยู่ระหว่าง ไม่เชื่อใครเลย กับ เชื่อคนอื่นหมด

  3. เวลาตอบ "เห็นด้วยครับ" บอกด้วย เห็นด้วยกับอะไรเวลาเขียน เขียนหลายเรื่องน่ะ

  4. ดีมาก น้อง bact พี่ก็เกลียดไอ้พวกตอบแค่ "เห็นด้วยครับ" โดยไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยเรื่องอะไร หรือเพราะอะไร ฟังดูเหมือนประจบไงไม่รู้

Leave a Reply to idCancel reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.